เคยร้อยไหมมาแล้ว แต่หน้ายังหย่อน? ศัลยกรรมดึงหน้าอาจตอบโจทย์กว่าที่ SB Clinic ขอนแก่น
ในยุคที่ใครๆ ก็อยากมี หน้าเด็ก หน้าเรียว และ ใบหน้ากระชับ การร้อยไหม ได้กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการ ยกกระชับใบหน้าโดยไม่ผ่าตัด แต่บ่อยครั้งที่ SB Clinic ขอนแก่น เราพบว่าหลายคนเคย ร้อยไหม มาแล้วกลับรู้สึกว่า “ไม่เห็นผล” หรือ “หน้ายังหย่อนอยู่เหมือนเดิม” ปัญหานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? แล้วทางเลือกที่ดีกว่าคืออะไร?
วันนี้ SB Clinic (สมบูรณ์การแพทย์) ขอนแก่น จะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความแตกต่างระหว่าง ร้อยไหม กับ ศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่ากรณีแบบไหนควรเลือกอะไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาที่คุณควรเปลี่ยนแนวทางการรักษาแล้ว
ร้อยไหมคืออะไร? ทำไมคนถึงนิยมยกกระชับหน้าด้วยร้อยไหม?
ร้อยไหม คือเทคนิค ยกกระชับใบหน้า ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เป็นการใช้ ไหมละลาย หรือไหมชนิดพิเศษทางการแพทย์สอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อช่วยดึงยกผิวบริเวณที่ หย่อนคล้อย ให้กลับมาตึงกระชับขึ้นทันที นอกจากนี้ เส้นไหมยังทำหน้าที่กระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน ใหม่ใต้ผิวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวดูเต่งตึงและมีความยืดหยุ่นดีขึ้นในระยะยาว
จุดเด่นของการร้อยไหมที่ทำให้คนเลือก
- ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นหัตถการที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ ลดความกังวลเรื่องการพักฟื้นและรอยแผล
- ไม่มีรอยแผลขนาดใหญ่: มีเพียงรอยเข็มเล็กๆ ที่จะจางหายไปเอง
- พักฟื้นน้อย: สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ค่อนข้างรวดเร็ว
- เห็นผลรวดเร็ว: เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของ ใบหน้ายกกระชับ ขึ้นภายใน 2–4 สัปดาห์หลังทำ
- คงผลลัพธ์ได้นานพอสมควร: โดยทั่วไปผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลตนเองหลังทำ
แล้วทำไมบางคนร้อยไหมแล้ว “ไม่เห็นผลลัพธ์” อย่างที่คาดหวัง?
แม้เทคนิค ร้อยไหมยกหน้า จะเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมในหลายๆ กรณี แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเท่ากันหมด เหตุผลหลักๆ มักมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- ผิวหย่อนคล้อยมากเกินไป (Severe Skin Laxity)
สำหรับผู้ที่มี ผิวหย่อนคล้อยระดับกลางถึงมาก โดยเฉพาะในวัย 40+ หรือผู้ที่เคยน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นไปมากและมี ผิวหนังส่วนเกิน (Excess Skin) ค่อนข้างเยอะ ในกรณีเช่นนี้ แรงยกของไหม อาจไม่เพียงพอที่จะยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยอย่างรุนแรงให้กลับมาตึงได้เต็มที่ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร หรือผิวอาจกลับมาหย่อนคล้อยได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ
- เคยร้อยไหมมาหลายครั้ง และมีพังผืดสะสม (Repeated Thread Lifts & Scar Tissue)
การ ร้อยไหมหน้าเรียว ซ้ำๆ หลายครั้ง หรือทำในระยะเวลาที่กระชั้นชิดเกินไป อาจกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง พังผืดใต้ชั้นผิวหนัง (Scar Tissue) ขึ้นมาสะสม พังผืดเหล่านี้จะไปขัดขวางการทำงานของไหมชุดใหม่ ทำให้ไหมไม่สามารถดึงยกผิวได้อย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่เป็นที่น่าพอใจ หรือเห็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แม้จะพยายามร้อยไหมเพิ่มจำนวนขึ้นก็ตาม
- เลือกใช้ไหมคุณภาพต่ำ หรือเทคนิคการร้อยไหมไม่เหมาะสม (Substandard Threads or Improper Technique)
หัวใจสำคัญของ การร้อยไหม คือคุณภาพของไหมและเทคนิคการทำหัตถการ หากเลือกใช้ ไหมราคาถูก หรือไหมที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลให้ไหมมีแรงดึงที่จำกัด ไม่คงทน หรือสลายตัวเร็วเกินไป นอกจากนี้ การทำโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ อาจทำให้
- การวางแนวไหมไม่ถูกต้อง: ไหมไม่สามารถยึดเกาะกับผิวได้ดี หรือดึงในทิศทางที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาความหย่อนคล้อย
- ใช้จำนวนไหมไม่เพียงพอ: ไม่สามารถสร้างแรงยกที่มากพอสำหรับปริมาณผิวที่หย่อนคล้อย
- เทคนิคการร้อยไหมไม่ถูกจุด: ทำให้ไม่สามารถยกกระชับในชั้นผิวที่เหมาะสม หรือกระตุ้นคอลลาเจนได้ไม่เต็มที่
ร้อยไหม VS ศัลยกรรมดึงหน้า ต่างกันยังไง?
หัวข้อ | ร้อยไหม | ศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) |
วิธีการ | สอดไหมใต้ผิว | ผ่าตัดเลาะผิวหนังและเย็บยกขึ้น |
เหมาะกับ | ผิวหย่อนระดับน้อย–ปานกลาง | ผิวหย่อนคล้อยมาก, อายุ 40+ |
ผลลัพธ์ | ยกกระชับเล็กน้อย | ยกได้ชัดทั่วหน้าและกรอบหน้า |
พักฟื้น | 1–3 วัน | 7–14 วัน |
ระยะเวลาคงอยู่ | 6–12 เดือน | 5–10 ปี |
เคสแบบไหนควร “ขยับจากร้อยไหม” ไปสู่ศัลยกรรมดึงหน้า?
แม้ว่า การร้อยไหม จะเป็นหัตถการยอดนิยมที่ช่วยยกกระชับใบหน้าได้ดีในช่วงอายุหนึ่ง แต่สำหรับบางคน การร้อยไหมอาจให้ผลเพียงชั่วคราว หรือไม่ได้ตอบโจทย์กับปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยมากแล้ว
ลองเช็กตัวเองดูสิคะ…ว่าคุณมีลักษณะเหล่านี้หรือไม่?
1. เคยร้อยไหมหลายครั้งแล้วแต่ “ยังไม่เห็นผลชัดเจน”
หากคุณเคย ร้อยไหมหน้าเรียว หรือ ร้อยไหมยกแก้ม หลายครั้งแล้ว แต่หน้าก็ยังดูหย่อน ไม่กระชับอย่างที่หวัง อาจแปลได้ว่าเนื้อเยื่อผิวของคุณตอบสนองต่อไหมได้น้อย หรือความหย่อนคล้อยเริ่มมากเกินกว่าที่ไหมจะช่วยพยุงได้แล้ว
2. เริ่มมี “เหนียง” ชัด และกรอบหน้าไม่ชัดเหมือนเดิม
เหนียงและกรอบหน้าที่หายไป เป็นสัญญาณของผิวที่เริ่มขาดความยืดหยุ่นระดับลึก การร้อยไหมอาจช่วยยกขึ้นได้เล็กน้อย แต่หากต้องการให้เห็นขอบหน้าชัด เป๊ะเหมือนเดิม การทำ ศัลยกรรมดึงเหนียง หรือ ดึงกรอบหน้า จะให้ผลที่ชัดเจนและคงอยู่ได้นานกว่า
3. มีการหย่อนคล้อยตั้งแต่แก้มล่างถึงใต้คาง
เมื่อผิวเริ่มหย่อนลึกไปถึงช่วงล่างของใบหน้า เช่น บริเวณกรามหรือใต้คาง การร้อยไหมอาจยกไม่ถึงหรือไม่มีแรงดึงมากพอ การ ดึงหน้าแบบ Mini Facelift หรือ Full Facelift จะสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ตรงจุดกว่า
4. มีร่องแก้มลึก ร่องข้างจมูกชัด หรือมุมปากตก
ปัญหาร่องลึกและปากตก ไม่เพียงแต่ทำให้ดูแก่เกินวัย แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจในการพูดและยิ้มด้วย
หากเคยร้อยไหมมาแล้วแต่ร่องยังอยู่เหมือนเดิม นี่อาจเป็นสัญญาณว่า ต้องปรับวิธี
การดึงหน้าแบบเปิด จะช่วยยกมุมปาก ยกผิวรอบร่องแก้ม และจัดการกับปัญหาผิวชั้นลึกได้ดีกว่า
5. อยากผลลัพธ์ที่ชัดและอยู่ได้นาน ไม่ต้องทำบ่อย
ถ้าคุณเบื่อกับการร้อยไหมทุก 6 เดือน – 1 ปี แล้วอยากได้อะไรที่ “ทำครั้งเดียวจบ” การศัลยกรรมดึงหน้าโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคือทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว เพราะผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5–10 ปี และยังช่วยยืดอายุผิวโดยรวม
ถึงเวลาหรือยัง…ที่คุณควรเปลี่ยนจากร้อยไหมเป็นศัลยกรรมดึงหน้า?
การร้อยไหมอาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคนที่ผิวยังแน่นและปัญหายังไม่ลึกมาก
แต่หากคุณเริ่มรู้สึกว่า “ร้อยไหมไม่พอแล้ว” หรือ “ทำบ่อยแต่ไม่คุ้ม” ศัลยกรรมดึงหน้าอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า ทั้งในแง่ของผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นานหลายปี
หากคุณกำลังค้นหาคำว่า “ศัลยกรรมใกล้ฉัน” แล้วอยากได้คลินิกที่ให้มากกว่าความสวย — ทั้งความปลอดภัย มาตรฐานสูง และทีมแพทย์เฉพาะทาง SB Clinic ขอนแก่น คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ